Galaxy Fit3 ใหม่! ใส่ความฟิต ให้ชีวิตเฮลตี้ในแบบที่ดีที่สุดวางจำหน่ายแล้ววันนี้เพียง 1,990 บาท

ในยุคที่คนส่วนใหญ่หันมาใส่ใจดูแลสุขภาพกันมากขึ้น ซัมซุงจึงพัฒนา Galaxy Fit3 สมาร์ทแบนด์ รุ่นใหม่ล่าสุด ให้ตอบโจทย์วิถีชีวิตคนส่วนใหญ่เพื่อเป็นตัวช่วยอัจฉริยะในเรื่องสุขภาพและการออกกำลังกาย พร้อมดีไซน์สุดชิคทันสมัยหน้าจอใหญ่จุใจ และฟีเจอร์เพื่อสุขภาพที่สมาร์ทกว่าเดิมนับ 101 โหมดในเครื่องเดียว ในราคาเพียง 1,990 บาท

Galaxy Fit3 สมาร์ทแบนด์ใหม่ พร้อมตามติดและแนะนำไลฟ์สไตล์ชีวิตสุดเฮลตี้ในทุกย่างก้าว ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกายที่เหมาะสม การนอนหลับพักผ่อนอย่างเพียงพอ การตรวจเช็คสุขภาพในเบื้องต้น เพื่อให้ทุกคนเข้าถึงและเข้าใจในสุขภาพของตนอย่างดีที่สุด

ตัวช่วยอัจฉริยะด้านสุขภาพ[1] และการนอนหลับ เริ่มต้นรักตัวเองได้ง่ายๆ แค่ดูที่ข้อมือ

ซัมซุงให้ความสำคัญกับการนอนหลับที่ดีเพื่อสุขภาพที่สมบูรณ์ที่สุด และช่วยให้การดูแลสุขภาพเป็นเรื่องง่าย ไม่ว่าจะเรื่องเล็กน้อย (การนอนหลับ และ Daily Workout) หรือเรื่องสำคัญที่หลายคนกังวล (อัตราการเต้นของหัวใจ) ซัมซุงจึงช่วยสร้างเสริมลักษณะนิสัยในการนอนที่ดี โดยได้คิดค้นเครื่องมือตรวจวัดการนอนหลับอัจฉริยะ[2]  ที่เปรียบเสมือน All Day Tracking & Monitoring your Health เพียงสวม Galaxy Fit3 ไว้ เครื่องจะช่วยตรวจจับการกรน[3] ตรวจปริมาณออกซิเจนในเลือด[4] และความเครียด อีกทั้งยังบันทึกและวิเคราะห์ช่วงเวลาที่ได้นอนหลับลึก โดยฟังก์ชั่น Sleep Coaching[5] ใน Galaxy Fit3 จะนำข้อมูลมาวิเคราะห์อย่างละเอียด และให้คำแนะนำเชิงลึกตามรูปแบบการนอนหลับที่เหมาะกับแต่ละคน พร้อมแนะนำวิธีปรับปรุงการนอนให้ดีกว่าเดิม

ติดตาม – บันทึก – สร้างแรงจูงใจในการออกกำลังกาย

Galaxy Fit3 พัฒนาตัวช่วยออกกำลังกว่า 101 โหมด เพื่อให้ผู้ใช้พิชิตเป้าหมายในการออกกำลังกายได้ทุกที่ทุกเวลาตามต้องการ[6]       โดย ทำการตรวจจับการเคลื่อนไหวตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้ทันที ผ่านโหมดออกกำลังกายอัตโนมัติที่มีให้เลือกถึง 6 แบบ ได้แก่ การเดิน, การวิ่ง, การออกกำลังกายด้วยเครื่องเดินวงรี (Elliptical), การออกกำลังกายด้วยเครื่องกรรเชียงบก (Rowing Machine), การว่ายน้ำ, และ การยืดเหยียดกล้ามเนื้อ (Dynamic Workout) พร้อมติดตามนับก้าวการเดิน  และกิจวัตรประจำวันได้ตลอด 24 ชั่วโมงแบบเรียลไทม์ซึ่งมีทั้งหมด 11 ฟังก์ชันที่ติดตั้งมาให้เลยบน Galaxy Fit3 นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติที่ทนทาน กันน้ำ ผ่านมาตรฐานการรองรับระดับความทนทานน้ำ 5ATM[7] และฝุ่นที่ระดับ IP68 ทำให้ผู้ใช้เพลิดเพลินกิจกรรมกลางแจ้งในสภาพแวดล้อมที่หลากหลายได้อย่างหมดห่วง ทั้งยังสามารถวิเคราะห์ข้อมูลสุขภาพเชิงลึก รอบด้าน เช็คข้อมูลส่วนตัวได้อย่างเรียลไทม์ ทั้งอัตราการเต้นหัวใจ ระดับความเครียด และการตรวจสอบรอบเดือน ผ่าน Samsung Health พร้อมให้คำแนะนำการออกกำลังกายที่เหมาะสม และสามารถเรียกดูผลลัพธ์ย้อนหลังผ่านสมาร์ทโฟนได้อีกด้วย

สุดยอดปลอดภัย[8] เสมือนเป็น Real Lifesaver !

ขณะออกกำลังกาย อุบัติเหตุเล็กๆ น้อยๆ อาจเกิดขึ้นได้แบบไม่ทันตั้งตัว Galaxy Fit3 มาพร้อมฟีเจอร์สุดล้ำ Fall Detection และ Emergency SOS เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ใช้ หากระบบตรวจจับการล้มหรือการร่วงจากที่สูงผิดปกติ Galaxy Fit3 จะช่วยแจ้งเตือน หรือส่งสัญญาณเพื่อขอความช่วยเหลือไปยังรายชื่อที่เราบันทึกเอาไว้หากเกิดการล้ม หรือการส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปยังรายชื่อที่เราบันทึกเอาไว้ เพื่อรับการรักษาเร่งด่วน หรือหากอยู่ในสถานการณ์ฉุกเฉิน สามารถกดปุ่มด้านข้างติดต่อกัน 5 ครั้ง เพื่อแจ้งขอความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที

 

Galaxy Fit3 หน้าจอขนาดใหญ่ ดูดี มีสไตล์!

Galaxy Fit3 รูปลักษณ์ใหม่ ทันสมัยด้วยกรอบอลูมิเนียมสุดเก๋ พร้อมหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่ 1.6 นิ้ว แบบ AMOLED ขนาด 256 x 402 ซึ่งใหญ่กว่าเดิมถึง 45%[9] พร้อมความละเอียด 2.5D Glass Display แค่เหลือบตาก็สามารถมองเห็นทุกอย่างชัดเจน ทั้งยังมีน้ำหนักเบา รูปทรงเพรียวบาง เรียบหรู พร้อมสายรัดข้อมือแบบสปอร์ต สวมใส่ง่ายใช้ได้ในทุกวัน ทนทานยิ่งขึ้นด้วยแบตเตอรี่ใช้พลังงานเพียง 208 มิลลิแอมแปร์ต่อชั่วโมง ใช้งานได้สูงสุดถึง 13 วัน [10] เพลิดเพลินกว่านี้ไม่มีแล้ว

นอกจากนี้ ผู้ใช้สามารถเลือกปรับแต่งอุปกรณ์ให้ดูดีมีสไตล์ขึ้น โดยเลือกหน้าปัดที่ติดตั้งมาในตัวเครื่องได้กว่า 100 แบบ[11] หรือจะใช้รูปตัวเองเป็นฉากหลังก็ทำได้  ทั้งยังสามารถปรับแต่งสาย[12] ให้เข้ากับแฟชั่นหรือกิจกรรมในแต่ละวันได้เพียงแค่คลิกเดียว

Galaxy Fit3 ยังสามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์กาแล็คซี่อื่นๆ ได้ โดยใช้ Galaxy Fit3 เป็นเสมือนคอนโทรลเลอร์บนข้อมือ ทำหน้าที่เป็นเสมือนชัตเตอร์ถ่ายภาพเพื่อควบคุมกล้องบนโทรศัพท์มือถือ สำหรับการถ่ายภาพระยะไกล ตั้งเวลาถ่ายรูป[13] หรือใช้ Galaxy Fit3 ควบคุมมีเดียต่างๆ บนอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อ ช่วยให้ทุกการใช้งานคล่องตัว และหากผู้ใช้ต้องการนอนหลับโดยไม่ถูกรบกวน สามารถสั่งตั้งค่า[14] โหมดห้ามรบกวนหรือโหมดนอนหลับระหว่าง Galaxy Fit3 ให้ซิงค์กับสมาร์ทโฟนได้ หากสมาร์ทโฟนหายก็ค้นหาได้ง่ายๆ ผ่านฟีเจอร์ Find my phone ใน Galaxy Fit3 หรือจะค้นหาแบบกลับกันก็ได้[15] เช่นกัน

 

   

สีและการวางจำหน่าย[16]

Galaxy Fit3 มีให้เลือก 3 สี คือสีเทา สีเงิน และสีพิงก์โกลด์ พร้อมวางจำหน่ายตั้งแต่วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2567 ผ่านช่องทางออนไลน์บนเว็บไซต์ samsung.com และ Samsung Official Store บน Shopee และ Lazada หรือหน้าร้านที่ Samsung Experience Store และร้านค้าที่ร่วมรายการ ผู้ที่สนใจสามารถเป็นเจ้าของได้แล้ววันนี้ ในราคาเพียง 1,990 บาท ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.samsung.com/th/watches/all-watches/?galaxy-fit

 

 

Galaxy Fit3


[1] ค่าต่างๆ นี้มีวัตถุประสงค์เพื่อวัดสุขภาพและสุขภาวะโดยรวมเท่านั้น ไม่สามารถใช้ตรวจจับ วินิจฉัย รักษา ติตตาม หรือบริหารจัดการสภาวะทางสุขภาพหรือโรคใดๆ ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพที่เข้าถึงได้จากอุปกรณ์หรือแอปพลิเคชั่นไม่ถือเป็นคำแนะนำทางการแพทย์  ผู้ใช้โปรดรับคำแนะนำทางการแพทย์จากแพทย์ คุณสมบัติอาจแตกต่างกันตามท้องตลาด ผู้ให้บริการ หรืออุปกรณ์ที่จับคู่ด้วย

[2] คุณสมบัติที่เกี่ยวข้องกับการนอนหลับมีวัตถุประสงค์เพื่อวัดสุขภาพและสุขภาวะโดยรวมเท่านั้น ค่าที่ได้สำหรับการอ้างอิงเฉพาะบุคคลเท่านั้น ผู้ใช้โปรดรับคำแนะนำเพิ่มเติมจากแพทย์ ต้องทำงานร่วมกับแอปพลิเคชั่น Samsung Health เวอร์ชั่น 6.26 ขึ้นไป คุณสมบัติที่ใช้งานได้อาจแตกต่างกันตามท้องตลาด ผู้ให้บริการ อุปกรณ์ที่จับคู่ด้วย และรุ่นของแอปพลิเคชั่น Samsung Health

[3] การตรวจจับการกรนต้องใช้ไมโครโฟนของอุปกรณ์กาแล็คซี่ที่จับคู่ผ่านบลูทูธอยู่ สมาร์ทโฟนที่จับคู่อยู่ควรอยู่ในระยะที่ใกล้กับตัวผู้ใช้เพื่อใช้งานคุณสมบัตินี้

[4] การทำงานของคุณสมบัตินี้อาจแตกต่างกันตามท้องตลาด

[5] ต้องอาศัยข้อมูลการนอนหลับ 7 วันเป็นอย่างน้อยซึ่งหมายรวมถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ 2 วัน

[6] คุณสมบัติที่ใช้งานได้อาจแตกต่างกันตามท้องตลาด ผู้ให้บริการ และอุปกรณ์ที่จับคู่ด้วย

[7] Galaxy Fit3 สามารถกันน้ำได้ลึกถึง 50 เมตร เป็นเวลา 10 นาที ภายใต้ระดับ 5ATM ไม่เหมาะสำหรับการดำน้ำหรือกิจกรรมทางน้ำที่มีแรงดันสูง หากอุปกรณ์หรือมือเปียก ต้องเช็ดให้แห้งก่อนหยิบจับ Galaxy Fit3 ให้การป้องกันน้ำและฝุ่น (IP68) ที่ความลึกสูงสุด 1.5 เมตร เป็นเวลาสูงสุด 30 นาที ไม่แนะนำให้ใช้ชายหาดหรือสระว่ายน้ำ การกันน้ำและฝุ่นของอุปกรณ์ไม่ถาวรและอาจลดลงเมื่อเวลาผ่านไปเนื่องจากการสึกหรอตามปกติ ระดับการต้านทานฝุ่นได้รับการทดสอบภายใต้สภาวะในห้องปฏิบัติการโดยบุคคลที่สาม: แป้งฝุ่น 2 กก. (เส้นผ่านศูนย์กลางสูงสุด 0.05 มม.) ต่อลูกบาศก์เมตร ถูกเป่าเข้าไปในห้องทดสอบซึ่งเป็นที่ตั้งของอุปกรณ์ (แรงดันอากาศภายในอุปกรณ์เก็บไว้ต่ำกว่าอากาศโดยรอบ) เป็นเวลา 2 ชั่วโมง ได้รับการจัดอันดับ IP6X การป้องกันฝุ่นอาจแตกต่างกันไปตามสภาพการใช้งานจริง

[8] คุณสมบัติที่ใช้งานได้อาจแตกต่างกันตามท้องตลาด คุณสมบัติการตรวจจับการล้มหรือการโทรฉุกเฉิน โดย Galaxy Fit3 ต้องเปิดใช้งานในแอป Galaxy Wearable ในสมาร์ทโฟนกาแล็คซี่ก่อน ระบบการแจ้งเตือนผู้ติดต่อฉุกเฉินต้องใช้การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต สิ่งกีดขวางสัญญาณดาวเทียม เช่น อาคาร มีผลต่อความแม่นยำของจีพีเอส คุณสมบัติที่มีอาจแตกต่างกันตามท้องตลาด รุ่นของซอฟต์แวร์ และสภาพแวดล้อมโดยรอบ  

[9] เปรียบเทียบกับ Galaxy Fit2 ขนาดหน้าจอวัดแบบทแยงมุม และวัดเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยหักลบส่วนมุมที่เป็นขอบโค้งออกไป  

[10]  อายุการใช้งานของแบตเตอรี่อ้างอิงจากการทดสอบภายในของซัมซุง ซึ่งจำลองจากการใช้งานจริง โดยเชื่อมต่อ Galaxy Fit3 กับสมาร์ทโฟนกาแล็คซี่ผ่านบลูทูธ ระหว่างการเชื่อมต่อ 24 ชั่วโมง Galaxy Fit3 จะรับการแจ้งเตือน 52 ครั้ง การอ่านข้อความ 4 นาที ดูเวลา 9 นาที และออกกำลังกาย 30 นาที เพื่อค้นหาค่าการใช้งานแบตเตอรี่รวมโดยอาศัยการวิเคราะห์รูปแบบการใช้ปกติและกระแสไฟฟ้าที่แต่ละคุณสมบัติต้องใช้ภายใต้เวลาที่กำหนด ทดสอบและผลลัพธ์ที่ได้วัดจากอุปกรณ์รุ่นก่อนวางจำหน่ายเชิงพาณิชย์ อายุการใช้งานจริงอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับสถานะการเชื่อมต่อบลูทูธ การปรับตั้งต่างๆ การตั้งค่า ความแรงของสัญญาณ เสียงรบกวนรอบข้าง การใช้งาน สภาพอุปกรณ์ และอื่นๆ  

[11] รูปแบบหน้าปัดอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับตลาดและรุ่นของอุปกรณ์

[12] รูปแบบของสายอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับท้องตลาด สายจำหน่ายแยก ยกเว้นสายที่จำหน่ายมาพร้อมกับผลิตภัณฑ์

[13] คุณสมบัตินี้ทำงานเมื่อเชื่อมต่อ Galaxy Fit3 กับสมาร์ทโฟนกาแล็คซี่ที่ใช้ส่วนประสานผู้ใช้ One UI 6.0 ขึ้นไป และต้องใช้โหมดถ่ายภาพในแอปกล้องของสมาร์ทโฟนกาแล็คซี่เท่านั้น

[14] รองรับการซิงก์เฉพาะโหมดห้ามรบกวนและโหมดนอนหลับ การทำงานขึ้นอยู่กับสมาร์ทโฟนที่จับคู่ด้วย

[15] เพื่อใช้ฟีเจอร์ Fine My Phone อุปกรณ์ทั้ง 2 ชิ้นต้องอยู่ในระยะรับส่งสัญญาณบลูทูธ ซึ่งระยะอาจแตกต่างกันขึ้นอยู่กับอุปกรร์หรือสภาพแวดล้อม การทำงานของคุณสมบัตินี้ขึ้นอยู่กับท้องตลาดหรือสมาร์ทโฟนที่จับคู่ด้วย

[16] ขึ้นอยู่กับท้องตลาดหรือผู้ให้บริการเครือข่าย สีและสายที่มีจำหน่ายขึ้นอยู่กับท้องตลาดหรือผู้ให้บริการเครือข่าย

Loading Facebook Comments ...

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *